เงินบริจาคของคุณจะส่งต่อมื้ออาหารคุณภาพดีถูกหลักโภชนาการให้กับชุมชนเปราะบางที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนใน 4 จังหวัดของประเทศไทย3,200ชุมชน
โครงการ "ส่งต่อความสุข สู้ความหิว ลดอาหารส่วนเกิน" หรือ Food Rescue Program เป็นโครงการที่มุ่งเน้นการลดปัญหาอาหารส่วนเกินและการจัดการกับปัญหาความหิวโหยในสังคม โดยดำเนินกิจกรรมเพื่อส่งต่ออาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการให้กับกลุ่มเปราะบางและผู้ที่ต้องการในพื้นที่ต่าง ๆ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, ประจวบคีรีขันธ์, ภูเก็ต และเชียงใหม่
โครงการนี้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย ดังนี้
กิจกรรมของโครงการประกอบด้วยการจัดการอาหารส่วนเกินอย่างมีประสิทธิภาพ การส่งมอบอาหารที่เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละกลุ่ม และการสนับสนุนโภชนาการเพื่อสุขภาพที่ดี สิ่งที่ได้รับจากการดำเนินโครงการนี้คือการลดปริมาณอาหารส่วนเกินที่สูญเสียไปและการช่วยเหลือกลุ่มคนที่ขาดแคลนอาหารในสังคม ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนคือการเพิ่มคุณภาพชีวิตของกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการสร้างความตระหนักรู้ในชุมชนเกี่ยวกับปัญหาอาหารส่วนเกิน
โครงการยังดำเนินต่อไปและมีแผนที่จะขยายกลุ่มผู้รับอาหารให้ครอบคลุมมากขึ้นในอนาคต เพื่อสร้างผลกระทบที่โดยการพัฒนาเครือข่ายพันธมิตรและเพิ่มจำนวนศูนย์กระจายอาหารในพื้นที่ที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างเพียงพอ รวมถึงการสร้างระบบติดตามผลเพื่อประเมินความสำเร็จของโครงการอย่างต่อเนื่อง
นางนุชจรี พันธ์โสม ประธานชุมชนวังทองหลาง
รู้สึกดีใจที่ได้เห็นองค์กรต่างๆ มองเห็นความสำคัญและให้ความช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อย รวมถึงการแบ่งปันและแสดงความเอื้ออาทรต่อกลุ่มเปราะบางในสังคม การทำจิตอาสาและการแบ่งปันเป็นสิ่งที่ดีงามเสมอ และการช่วยเหลือกันในสิ่งที่ทำได้ยิ่งส่งเสริมความสามัคคีในชุมชน นอกจากนี้ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน และสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างสมาชิกในชุมชนและมูลนิธิ กิจกรรมเหล่านี้ช่วยให้กลุ่มเปราะบางได้รับการดูแลอย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง อีกทั้งยังสร้างความรักและความสามัคคีในทุกช่วงวัย ถือเป็นการทำสิ่งดีเพื่อสังคมที่ดีและยั่งยืน ขอให้ทำความดีต่อไปเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือในสังคมต่อไปค่ะ
นางแก่นจันทร์ เมืองจันทร์ ประธานชุมชนบางสีทอง
ชุมชนรู้สึกดีใจและขอบคุณที่องค์กรให้ความสำคัญกับผู้ด้อยโอกาสที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งอาหารได้ อีกทั้งยังช่วยให้ชุมชนได้มีอาหารอร่อยและช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในแต่ละมื้อ ซึ่งสอดคล้องกับรายได้ของชุมชนเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังรู้สึกภูมิใจที่ได้เห็นองค์กรเข้ามามีบทบาทในการช่วยเหลือและสนับสนุนผู้ด้อยโอกาสในชุมชน กิจกรรมที่จัดขึ้นไม่เพียงแต่สร้างความอิ่มท้อง แต่ยังส่งเสริมความมีส่วนร่วมของคนในชุมชน สร้างความสัมพันธ์ที่ดี และเป็นกิจกรรมที่แบ่งปันซึ่งหาได้ยากในปัจจุบัน ชาวบ้านรู้สึกซาบซึ้งในความตั้งใจขององค์กรที่ไม่ทอดทิ้งสังคม และอยากให้องค์กรจัดกิจกรรมดีๆ เช่นนี้บ่อยขึ้น เพื่อให้ชุมชนได้สัมผัสถึงรสชาติอาหารที่อร่อยและการดูแลที่อบอุ่น ขอบคุณองค์กรที่สร้างความสุขและประโยชน์ให้กับชุมชนอย่างแท้จริงค่ะ
ครัวรักษ์อาหาร เพื่อช่วยเหลือชุมชน ทั้ง 4 ภูมิภาคในประเทศไทย รวมถึงชุมชนในจังหวัดอื่นๆ ที่มูลนิธิฯ มีเครือข่ายครอบคลุมกว่า 47 จังหวัดอีกด้วย โดยมีประชากรผู้ได้รับผลประโยชน์รวมทั้งสิ้น 3,200 ชุมชน ในระยะเวลา 7 เดือน ตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม 2566 จนถึงเดือนธันวาคม 2566 ทั้งนี้ความช่วยเหลือในรูปแบบของการระดมทุนนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา ทำให้ทางมูลนิธิฯ สามารถซื้อวัตถุดิบเพิ่มเติมในการประกอบอาหารให้ครบถ้วนตามหลักโภชนาการมากยิ่งขึ้น และทำให้กลุ่มผู้เปราะบางในชุมชนสามารถ เข้าถึงแหล่งอาหารที่หลากหลาย
ตารางแสดงจำนวนมื้ออาหารที่ช่วยเหลือชุมชน 4 ภูมิภาคตลอดแคมเปญ
รายชื่อครัวรักษ์อาหาร | มื้ออาหารรวม |
ครัวรักษ์อาหารในกรุงเทพ ฯ และปริมณฑล | 43,970 |
ครัวรักษ์อาหารในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ | 10,147 |
ครัวรักษ์อาหารในจังหวัดเชียงใหม่ | 6,764 |
ครัวรักษ์อาหารในจังหวัดภูเก็ต | 6,764 |
มื้ออาหารรวม | 67,645 |
รวมทั้งสิ้นมูลนิธิฯ ได้ส่งต่อมื้ออาหารให้แก่ชุมชนทั้ง 4 ภูมิภาค ทั้งหมด 67,645 มื้อ เพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้เปราะบาง ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ในชุมชนรายได้ต่ำที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน
ความประทับใจของผู้ที่ได้รับประโยชน์
โครงการรักษ์อาหารในกรุงเทพฯ และปริมณฑล
“ ในปัจจุบัน ชุมชนบ้านมั่นคงบางบอน 133 ได้เข้าร่วมเป็นผู้รับโครงการของมูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ (มูลนิธิเอสโอเอส) มาเป็นระยะเวลากว่า 4 ปี ตั้งแต่ปี 2564 ถึงปัจจุบัน โดยได้เข้าร่วมโครงการครัวรักษณ์อาหาร (Food Rescue Program) ซึ่งเป็นโครงการที่ทางมูลนิธิเอสโอเอสนำส่งอาหารและวัตถุดิบส่วนเกินที่กอบกู้มาให้แก่ชุมชนโดยตรงในอันดับแรก และเนื่องจากชุมชน บ้านมั่นคงบางบอน 133 มีความพร้อมและพื้นที่ในการทำครัว จึงได้ต่อยอดนำเอาวัตถุดิบดังกว่าวมาเป็นอีกหนึ่งโครงการของมูลนิธิฯ ซึ่งมีชื่อว่าโครงการครัวรักษ์อาหาร (Rescue Kitchen Program) โดยเป็นโครงการที่ทางมูลนิธิเอสโอเอสสนันสนุนวัตถุดิบส่วนเกิน ที่มีคุณค่าทางโภชนาการให้กับครัวชุมชนได้ประกอบอาหาร หลังจากนั้นทางชุมชนจะทำการส่งต่อมื้ออาหารให้กับกลุ่มผู้เดือดร้อน และผู้ที่มีความต้องการด้านอาหารได้อิ่มท้อง ทีมแม่ครัวอิ่มบุญ อิ่มใจในการส่งต่ออาหาร การเข้าร่วมทั้งสองโครงการของมูลนิธิเอสโอเอส ซึ่งได้ส่งต่อมื้ออาหารให้แก่กลุ่มเปราะบางถือเป็นความภาคภูมิใจของชุมชนบ้านมั่นคงบางบอน 133 ที่ได้ร่วมทำงานกับมูลนิธิฯ ในการส่งต่อเรื่องราวดีๆ อีกทั้งชุมชนยังสามารถพัฒนาศักยภาพในการทำครัวชุมชนได้มากขึ้น ผู้คนในชุมชนต่างมีส่วนร่วมในการรังสรรค์เมนู อาหาร เกิดการพูดคุยร่วมกัน และเอื้ออาทรซึ่งกันและกันอีกด้วย ทั้งนี้ขอขอบคุณทางทีมมูลนิธิเอสโอเอส และผู้ใจบุญที่ร่วมบริจาควัตถุดิบ ให้กับชุมชน ทำให้ชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ผู้คนในชุมชนมีความเอื้ออาทรต่อกัน อยากให้มูลนิธิทำสิ่งนี้ต่อไปเรื่อยๆ และชุมชนจะพยายามสานต่อสิ่งดีๆ เหล่านี้ไว้ จะไม่ปล่อยมือให้คนในชุมชนต้องอดอยาก ” คุณรัชนีกร จันทร์บริบูรณ์ - ชุมชนบ้านมั่นคงบางบอน 133 เขตบางบอน จังหวัดกรุงเทพฯ
โครงการรักษ์อาหารในประจวบคีรีขันธ์
“ ชุมชนบ้านแพรกตะคร้อได้เข้าร่วมเป็นผู้รับกับมูลนิธิเอสโอเอสสาขาหัวหินเป็นระยะเวลา 2 ปี ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2564 - ปัจจุบัน ซึ่งเป็นชุมชนในพื้นที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ตั้งอยู่ติดชายแดนประเทศเมียนมาร์ ห่างจากตัวเมืองหัวหินประมาณ 50 กิโลเมตร และมีประชากรรวมทั้งสิ้น 700 คน โดยชุมชนบ้านแพรกตะคร้อมีความหลากหลายทางเชื้อ มีทั้งชาวไทย กระเหรี่ยง เมียนมาร์ และชาวมอญ โดยผู้คนในชุมชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมและรับจ้างทั่วไป บางครอบครัวยังมีรายได้ไม่เพียงพอในการบริโภค และเข้าถึงแหล่งอาหารที่เพียงพอและหลากหลาย โดยเฉพาะอาหารที่มีแหล่งโปรตีนแลคุณค่าทางอาหารสูงสำหรับเด็ก เช่น ข้าวสาร เนื้อสัตว์ และนม มูลนิธิเอสโอเอสหัวหินได้สนับสนับสนุนข้าวสาร นม วัตถุดิบสด และอาหารต่างๆ ที่จำเป็นให้แก่ชุมชน ส่งผลให้ผู้คนในชุมชนเข้าถึงอาหารที่ครบถ้วนมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ทางชุมชนขอขอบคุณทางมูลนิธิเอสโอเอสที่ให้การช่วยเหลือตลอดมา และร่วมกันทำอาหารที่สด สะอาด อร่อย และสารอาหารครบถ้วน ทางชุนชนรู้สึกมีความสุขและอิ่มเอมทั้งทางกายและทางใจเป็นอย่างยิ่งค่ะ ” คุณจิรวดี ชูยิ้ม - ชุมชนบ้านแพรกตะคร้อ ตำบลบึงนคร อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
โครงการรักษ์อาหารในเชียงใหม่
“ ทางชุมชนตำบลช้างเผือก ได้เข้าร่วมเป็นผู้รับกับมูลนิธิเอสโอเอสสาขาเชียงใหม่เป็นระยะเวลา 2 ปี ตั้งแต่ปี 2565 - ปัจจุบัน โดยทางชุมชนได้รับทั้งผักสด เบเกอร์รี และอาหารปรุงสุก ให้แก่กลุ่มผู้เปราะบาง ทางกลุ่มผู้เปราะบางได้รับประทานขนมอร่อยๆ และอาหารดีๆ ชาวชุมชนตำบลช้างเผือกขอขอบคุณมูลนิธิเอสโอเอสมากๆ ค่ะ ที่มามอบสิ่งดีๆ ให้กับพวกเรา และทำเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมตลอดมาค่ะ ” คุณสุกัญญา เพลาแก้ว - ชุนชนตำบลช้างเผือก ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
โครงการรักษ์อาหารในภูเก็ต
“ ชุมชนแหลมตุ๊กแกทำงานร่วมกับมูลนิธิเอสโอเอสสาขาภูเก็ตมาเป็นระยะเวลานานประมาณ 5 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2562 - ปัจจุบัน โดยชุมชนอยากชอบแนวคิดและพันธกิจของมูลนิธิเอสโอเอสมากๆ อยากให้องค์กรอื่นๆ หันมาสนใจปัญหาเรื่องขยะอาหาร สิ่งแวดล้อม และความหิวโหยกันมากยิ่งขึ้น ชุมชนแหลมตุ๊กแกเป็นชุมชนรายได้น้อยที่บางครอบครัวไม่สามารถเข้าถึงอาหารได้ครบ 3 มื้อ และไม่สามารถเข้าถึงแหล่งอาหารที่หลากหลายได้ การที่มูลนิธิเอสโอเอสได้ส่งต่ออาหารปรุงสุก วัตถุดิบ และแหล่งอาหารใหม่ๆ ทำให้กลุ่มเปราะบางในชุมชนสามารถเข้าถึงอาหารที่หลากหลาย รวมถึงอาหารที่ไม่เคยรับประทานมากยิ่งขึ้น ทางชุมชนขอขอบคุณ ทางมูลนิธิเอสโอเอสที่ส่งมอบโอกาสดีๆ และหวังว่าจะพัฒนาโครงการดีๆ ให้สืบต่อไปนานๆ ค่ะ ” คุณจันทร์แรม ธรรมประเสริฐ - ชุมชนแหลมตุ๊กแก ตำบลรัษฎา อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการ
กลุ่มที่ได้รับประโยชน์ | อธิบาย | จำนวนที่ได้ประโยชน์ | ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น |
กลุ่มคนเปราะบาง | กลุ่มผู้เปราะบาง ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ในชุมชนรายได้น้อยที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน ใน 4 ภูมิภาค ได้แก่ พื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล จังหวัดภูเก็ต จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดเชียงใหม่ และรวมไปถึงจังหวัดต่างๆ ที่ทางมูลนิธิฯ มีเครือข่ายความช่วยเหลือเป็นจำนวนมากกว่า 47 จังหวัดทั่วประเทศอีกด้วย | 3,200 ชุมชน | ช่วยเหลือชุมชนที่มีรายได้เฉลี่ยน้อยกว่าเส้นความยากจน ชุมชนแออัด ชุมชนที่ตกงานหรือชุมชนที่สูญเสียงานประจำ โดยเป็นส่วนหนึ่งในการลด รายจ่ายค่าอาหาร และช่วยเหลือชุมชนที่ไม่สามารถเข้าถึงอาหารสดที่มีคุณภาพดีได้ ซึ่งการส่งอาหารปรุงสุกใหม่ผ่านโครงการของครัวรักษ์อาหารในช่วงเศรษฐกิจซบเซาในขณะนี้ และการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายส่วนนี้ ยังสามารถเปิดโอกาสให้ชุมชนนำรายจ่ายค่าอาหารไปเป็นทุนในการต่อยอดหรือใช้จ่ายในส่วนอื่นๆ ได้อีกด้วย |